
ชิมของอร่อยกาญจนบุรีที่เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ที่ท่องเที่ยวชื่อดังอำเภอไทรโยค ชิมอาหารโบราณอร่อยๆ หากินยากตามโซนต่างๆ ของเมืองมัลลิกาแล้ว ยังมีบ้านไทยในอดีต เรือนแพขายน้ำแข็งไสชื่นใจ ตลาดจีนเยาวราช และสิ่งปลูกสร้างสมัยโบราณจำลองไว้ให้ถ่ายภาพ บางคนเดินเล่นได้เป็นวันๆ เหมือนที่คนลากรถบอกกับ Sookjai วันหยุด เมืองจำลอง ร.ศ. 124 (สมัยรัชกาลที่ 5) แห่งนี้ปิดประตูเสียนานในช่วงโควิด 19 ได้โอกาสเปิดคราวนี้ ทำให้ได้ชิมของอร่อยโบร่ำโบราณที่ไม่รู้จะหาทีไหนทานได้อีก
บนเส้นทางไปสู่ปราสาทเมืองสิงห์ จากตัวเมืองกาญจนบุรีก็ต้องผ่านเมืองมัลลิกาแน่ๆ อยู่แล้ว ก็แวะเสียหน่อยตามประสา หลังซื้อบัตรเข้าเมืองที่เอาไปแลกอะไรในเมืองได้เยอะแยะ ก็นั่งรถลากเข้าไป คนลากรถชวนคุยไปตลอดทางจนถึงโซนแรก ซึ่งจะได้แลกบัตรเข้าชมกับอาหารหนึ่งอย่าง ไหนๆ มาแล้วก็เลยสั่งอีกหนึ่งอย่าง เพราะต้องบอกว่าเป็นของหาทานยากจริงๆ
โซนแรก "ปลายสวนพระยา" มีคุณตาคุณยายนักแสดงนั่งเป็นตัวละครสมมุติ ง่วนกับงานสาธิตวิถีชีวิตโบราณในแต่ละวัน แวะคุยเล่นด้วยหน่อยเพราะนักท่องเที่ยวยังน้อยท่าทางจะเหงา ก่อนเดินตามสะพานไม้จนถึงร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งจะได้ชิมของหายากกันคราวนี้ล่ะ
ปอเปี๊ยะสด แลกได้ด้วยบัตรเข้าเมืองที่ซื้อมา สำหรับนั่งทานเล่นเย็นใจไปก่อน น้ำปอเปี๊ยะข้นหวานอมเปรี้ยว แผ่นแป้งหนานุ่ม อร่อยจริงๆ ไหนๆ มาแล้ว สั่งอีกสักเมนูนะครับ พร้อมกับเครื่องดื่มนมชมพูหวานหอมชื่นใจ "ล่าเตียง" แค่ชื่อก็เรียกร้องความสนใจแล้วสิ รับทานแล้วไม่แน่ใจว่ามีอะไรเป็นส่วนผสมบ้าง แต่อร่อยหอมฟุ้ง ที่แน่ๆ มีเนื้อหมูปรุง ผักชี พริก ถั่วลิสง ห่อมาด้วยตาข่ายไข่ปราณีตทีเดียว พอจุ่มกินกับอาจาดอร่อยขึ้นหลายกอง
มีอีกหลายเมนูโบราณให้เลือกชิม ชื่อแปลกประหลาดไม่เคยได้ยิน ไม่ว่าจะเป็น ค้างคาวเผือก ส้มฉุน แตงโมปลาแห้ง แต่รับทานได้เมนูเดียวก็อิ่มแทบแย่ ราคา 12 สตางค์ในเมนูหมายถึงสตางค์รูที่แลกก่อนเข้าเมืองครับ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนอุบไว้เป็นปริศนา เดินทางมาเองจะทราบแน่ว่า 1 สตางค์เท่ากับกี่บาท
อิ่มท้องได้เวลาเดินเที่ยวต่อแล้ว อาณาบริเวณกว้างขวางมากๆ ครับ ถ้ารีบเดินล่ะเหนื่อยแน่ ต่อจากสวนปลายพระยาก็คงมาที่เรือนคหบดี เป็นการจำลองเรือนของผู้มีอันจะกินในสมัยรัชกาลที่ 5 ก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้านเจอะสาวน่ารักกำลังทำดอกมะลิจากกระดาษทิชชู่ ลงจากเรือนมานั่งเล่นที่ศาลาท่าน้ำในบรรยากาศย้อนยุคยังได้ ที่จริงมีหอคอยและสะพานหันด้วย โดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้างในเมืองบางกอกที่สูญหายไม่หลงเหลือแล้ว ยังจำลองเอาไว้ให้เห็นกับตาที่เมืองมัลลิกาแห่งนี้
เมนูต่อไปใช้ตั๋วเข้าชมแลกเช่นกัน "จ้ำบ๊ะ" คือชื่อเมนูตั้งให้น่าสนใจ เป็นของหวานน้ำแข็งไสใส่ขนมปังนี่เอง แลกตั๋วได้ที่เรือนแพเลยครับ เดินตากแดดมาร้อนๆ ได้นั่งดูน้ำพุ ตักน้ำแข็งไสหวานเย็นใส่ปากก่อนกลับจากเมืองย้อนยุคซะหน่อย ได้ผ่อนคลายสบายใจทีเดียว
ท่องเที่ยวในเมืองจำลองบรรยากาศไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคที่น้ำแข็งเพิ่งจะแพร่หลายเข้าสู่สยาม ก่อนออกจากเมืองจะผ่านโซนค้าขายอีกหลายย่าน ทั้งตลาดบนสะพานและตลาดบนบก อุดหนุนเขาสักหน่อยเพราะแต่ละคนเหมือนหลุดออกมาจากกระจกวิเศษในหนังทวิภพ ส่วนเราเตรียมออกจาก ร.ศ. 124 เข้าสู่ พ.ศ. 2565 ที่ร้อนน่าดู Sookjai วันหยุด เชิญชวนเที่ยวเมืองมัลลิกายุคหลังโควิด เพราะเจ้าของเมืองสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยใจรักในความเป็นไทยอย่างแท้จริงครับ