
มีเสาชิงช้าและโบสถ์พราหมณ์กลางเมืองคอน นครต้องคำสาป เที่ยวนครศรีธรรมราช เมืองเด็กวัดเจดีย์ เมืองเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์มากมาย Sookjai วันหยุด พาผู้อ่านเดินเที่ยวเมืองคอนให้สำราญใจกับหัวเมืองปักษ์ใต้ บ้านไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์และองค์จตุคามรามเทพ ใครเคยไปเที่ยววัดสุทัศน์คงคุ้นเคยกับเสาชิงช้าสูงใหญ่ กับโบสถ์พราหมณ์ในละแวกสามแพร่ง (ประกอบด้วยแพร่งสรรพศาสตร์ แพร่งภูธร และแพร่งนรา) ก็อยู่ใกล้ๆ กัน ชาวเราที่ตั้งใจไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดสุทัศน์ ออกมาเลี้ยวเข้าโบสถ์พราหมณ์พร้อมด้วยก็เยอะ เพราะคนไทยไหว้ได้หมดทุกอย่าง ไหว้ผี ไหว้พระ ไหว้เจ้า ไหว้เทพ อะไรไหว้แล้วสบายใจเป็นไหว้ไปหมด ฮา
สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราชก็มีเสาชิงช้าเช่นกันครับ ต่างกับเสาชิงช้าวัดสุทัศน์ตรงที่เขายังใช้งานในพิธีโล้ชิงช้าอยู่ ส่วนเทวสถานของพราหมณ์นั้นมีครบหมด ทั้งโบสถ์พราหมณ์ หอพระนารายณ์ (ไวศณพนิกาย) และหอพระอิศวร (ไศวนิกาย) แถมยังหลงเหลือหลักฐานมาถึงปัจจุบัน แสดงว่ายุคหนึ่งสมัยหนึ่งก็รับอิทธิพลศาสนาพราหมณ์อย่างเข้มข้นเช่นกัน
แต่ก่อนอื่นเรามาไหว้เสาหลักเมืองนครศรีธรรมราชที่ออกแบบช่วงบนเป็นพรหมแปดหน้ากันก่อน ศาลหลักเมืองนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2530 เล่ากันว่าเมืองนครศรีธรรมราชต้องสร้างหลักเมืองใหม่เพื่อถอนคำสาปชะตาเมืองนคร ที่ผูกดวงไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.1830 (ข้อมูลจาก manager online)
เดินเที่ยวในเขตเมืองเก่านครศรีธรรมราชได้เห็นหอพระสูง สำรวจร่องรอยแนวกำแพงเมืองเก่า และเสาชิงช้าที่ดูคล้ายเสาชิงช้าหน้าวัดสุทัศน์ กรุงเทพมหานคร ถ้าเดินถึงถนนราชดำเนินจะพบหอพระอิศวรกับหอพระนารายณ์ เทวสถานทั้งสองแห่งนี้อยู่ใกล้กับตลาดท่าม้า และเป็นโบราณสถานในศาสนาพราหมณ์ แต่เดิมค้นพบศาสนวัตถุต่างๆ มากมาย กรมศิลปากรจัดการเก็บเข้ากรุพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เรียบร้อยหมด ส่วนที่มีปรากฎให้กราบไหว้ตอนนี้เป็นของทำจำลองขึ้นเท่านั้นครับ
ในเดือนเมษายนของทุกปี เมื่อถึงฤกษ์มหาสงกรานต์ เมืองคอนจะมีประเพณีแห่นางดาน ได้อาศัยใช้สถานที่นี้จัดงานประเพณีเรื่อยมาทุกปี รวมทั้งมีพิธีโล้ชิงช้าด้วย
หอพระอิศวร เป็นเทวสถานในลัทธิไศวนิกาย บูชาพระศิวะ (พระอิศวร) เป็นใหญ่เหนือเทพองค์อื่น เป็นที่ประดิษฐานองค์ศิวลึงค์ ค้นพบเทวรูปสำริดที่มีความงดงามต่างๆ เช่น ศิวนาฏราช พระอุมา พระพิฆเณศวร ฯลฯ หอพระอิศวรแห่งนี้จะสร้างตั้งแต่ พ.ศ. ไหน ไม่เป็นที่ปรากฎหลักฐาน แต่มีผู้รู้สันนิษฐานว่าสร้างพร้อมๆ กันกับหอพระนารายณ์ (บ้างว่าย้ายมาจากฐานสยมภูวนาท ในเขตตลาดท่าชี มาสร้างขึ้นใหม่พร้อมกันกับหอพระนารายณ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา) ส่วนเสาชิงช้านั้นมีผู้พบเห็นอยู่ข้างหอพระอิศวรตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ดังข้อความที่เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ อธิบายสภาพของหอพระอิศวรในสมัยนั้นไว้ว่า
"ข้างโบสถ์ด้านเหนือมีหอมุงกระเบื้องเฉลียงรอบตัวอยู่หลังหนึ่ง เป็นที่พวกพราหมณ์อาศัย ที่ลานโบสถ์นั้นมีเสาชิงช้าอันหนึ่ง สูงประมาณ 3 วา ที่เทวสถานนั้นมีพวกพราหมณ์นุ่งขาวอยู่หลายคน"
ส่วนหอพระนารายณ์ที่เป็นสถานที่ค้นพบเทวรูปพระนารายณ์สี่กรในสภาพชำรุด ที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10-11 (เคยประดิษฐานที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ใครอยากเห็นองค์จริง ตอนนี้สามารถเข้าชมได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช) เจ้าฟ้าภาณุฯ อธิบายสภาพของหอพระนารายณ์ไว้ว่า
"ที่ตรงหน้าจังหวัดโบสถ์พราหมณ์ข้ามถนนมาข้างตะวันออก มีโบสถ์พราหมณ์อีกจังหวัดหนึ่ง มีผนังอิฐทลายมุงจากมีคอกอิฐข้างใน มีเทวรูปนารายณ์ปิดทองยืนจมดินอยู่เพียงน่อง สูงประมาณศอกเศษ"
เมื่อสร้างแล้วทางการได้กัลปนาข้าใช้ให้แก่เทวสถานถึง 200 คน "จัดเอาชาวส่วยชาวชางชายหญิง 200 ให้พทานโกษาธิบดีเอาออกมาไว้เป็นข้ารักษาสถานพระอิศวรนารายณ์เทวรูป" รวมทั้งออกตราภูมิคุ้มห้ามไม่ให้ข้าราชการใหญ่ทำการเกณฑ์ข้าเทวสถานทั้งหมดนี้ไปใช้แรงงงานอื่นใด เรียกว่าเป็นข้าพระอิศวร เป็นข้าพระนายณ์ซะอย่าง สบายไปอีกแปดอย่างเลยครับ เพราะในสมัยรัชกาลที่ 2 ข้าเทวสถานเหล่านี้ได้ศักดินาสูงถึง 200 อย่างน้อยก็ 17 คนที่ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในหอพระอิศวร หอพระนารายณ์ เช่น พนักงานชิงช้าและรักษาเทวสถานนี่แหละครับ
ไหนๆ มาแล้ว อย่าลืมเที่ยวชมศาลาประดู่หก, พระเจดีย์ยักษ์ พระเจดีย์ลังกาองค์ใหญ่กลางเมืองนครศรี และชิมข้าวหมกเนื้อ ซุปเนื้ออร่อยๆ ด้วยนะครับ
Sookjai วันหยุด ชวนเที่ยวเมืองรองต้องลองเที่ยวนครศรีธรรมราช มาถ่ายภาพกับเสาชิงช้าหอพระอิศวร หอพระนารายณ์ เที่ยวชมศิลปวัฒนธรรมหัวเมืองปักษ์ใต้ โดยใช้ข้อมูลที่ Sookjai วันหยุด นำเสนอในเว็บไซต์ sookjai.club นี้ โดยการเสิร์ชภายในเว็บไซต์ว่า "นครศรีธรรมราช" เพียงเท่านี้ข้อมูลท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งเรื่องอาหารการกิน ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ก็จะปรากฎในจอโทรศัพท์มือถือของท่านอย่างเพรียบพร้อมทันทีทันใด